เมนู

จากโรงสวดของพราหมณ์มาเถิด ' แล้วส่งพราหมณ์ไป, พราหมณ์นั้นไป
ที่โรงสวดนั้นแล้ว นำท้าวสักกะผู้เสด็จมาด้วยเพศแห่งพราหมณ์มา, ใน
กาลที่ท้าวสักกะนั้นเสด็จมาแล้ว ผัวเมียทั้งสองจึงได้ถวายอาหารแก่พวก
กระผม.
ภิกษุทั้งหลาย. พวกเธอไม่โกรธแก่เขา ผู้ทำอยู่อย่างนั้นหรือ ?
พวกสามเณร. พวกกระผมไม่โกรธ.
ภิกษุทั้งหลาย ฟังคำนั้นแล้ว กราบทูลแด่พระศาสดาว่า " พระ-
เจ้าข้า สามเณรเหล่านี้ กล่าวคำไม่จริงว่า ' พวกกระผมไม่โกรธ ' ย่อม
พยากรณ์พระอรหัตผล."
พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาพระขีณาสพทั้งหลาย
ย่อมไม่เคียดแค้นในชนทั้งหลาย แม้ผู้เคียดแค้นแล้วเลย" ดังนี้แล้ว ตรัส
พระคาถานี้ว่า:-
23. อวิรุทฺธํ วิรุทฺเธสุ อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตํ
สาทาเนสุ อนาทานํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" เราย่อมเรียกบุคคลผู้ไม่เคียดแค้น ในบุคคลผู้
เคียดแค้น ผู้ดับเสียได้ในบุคคลผู้มีอาชญาในตน ผู้
ไม่ถือมั่นในบุคคลผู้ถือมั่นนั้นว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อวิรุทฺธํ เป็นต้น ความว่า เราย่อมเรียก
บุคคลนั้น คือเห็นปานนั้น ผู้ชื่อว่าไม่เคียดแค้น เพราะความไม่มีอาฆาต
ในพวกโลกิยมหาชน แม้ผู้เคียดแค้นแล้ว ด้วยอำนาจแห่งความอาฆาต

ผู้ชื่อว่าดับเสียได้ คือผู้มีอาชญาอันปลงแล้ว ในชนทั้งหลาย ผู้ชื่อว่ามี
อาชญาในตน เพราะความที่เข้าเป็นผู้ไม่เว้นจากการให้ประหารชนเหล่าอื่น
ในเมื่อท่อนไม้หรือศัสตราในมือ แม้ไม่มีอยู่ ผู้ชื่อว่าไม่ถือมั่น เพราะ
ความไม่มีการยึดถือนั้น ในชนทั้งหลาย ผู้ชื่อว่ามีความถือมั่น เพราะความ
ที่ยึดถือขันธ์ทั้ง 5 ว่า " เรา " ว่า " ของเขา" ว่าเป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องสามเณร จบ.

24. เรื่องพระมหาปันถกเถระ [287]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภพระมหา-
ปันถูกเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ยสฺส ราโค จ " เป็นต้น.

มหาปันถกะขับไล่พระผู้น้องชายจากวิหาร


ความพิสดารว่า ท่านมหาปันถกะนั้นขับไล่พระจูฬปันถกะ ผู้ไม่
อาจเพื่อกระทำ (ท่อง) คาถาหนึ่งให้คล่องแคล่วได้โดย 4 เดือน ออก
จากวิหารด้วยคำว่า " เธอเป็นผู้อาภัพแม้ในพระศาสนา ทั้งเป็นผู้เสื่อม
แล้วจากโภคะของคฤหัสถ์, ประโยชน์อะไรของเธอด้วยการอยู่ในวิหารนี้,
เธอจงออกไปเสียจากวิหารนี้, แล้วปิดประตู."
ภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า " ผู้มีอายุทั้งหลาย กรรมชื่อนี้พระมหา-
ปันถกะทำได้, ชะรอยความโกรธย่อมเกิดมีขึ้นแม้แก่พระขีณาสพทั้งหลาย."
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวก
เธอนั่งประชุมกันด้วยถ้อยคำอะไรหนอ ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
" ด้วยถ้อยคำชื่อนี้ " จึงตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย กิเลสทั้งหลายมีราคะ
เป็นต้น ย่อมไม่มีแก่พระขีณาสพทั้งหลาย, แต่บุตรของเราทำกรรมนั้น
เพราะความที่ตนเป็นผู้มุ่งอรรถเป็นเบื้องหน้า และเพราะเป็นผู้มุ่งธรรม
เป็นเบื้องหน้า" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-
24. ยสฺส ราโค จ โทโส จ มาโน มกฺโข จ ปาติโต
สาสโปริว อารคฺคา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.